กิมจิ เป็นอาหารที่มีตำนานยาวนานในวัฒนธรรมเกาหลี นับตั้งแต่เก่าแก่มากกว่า 1000 ปี กิมจิทำด้วยผักที่ถูกหมักให้เป็นเอกลักษณ์ของสูตรอาหารเกาหลีโดยทั่วไปใช้พืชผักสายหนุ่มเช่น กะหล่ำดอกหรือ cabbage โดยกิมจิจะมีรสชาติเปรี้ยว แซ่บ และเผ็ดเล็กน้อย นอกจากนี้ กิมจิยังไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ตัวกิมจิมีอุปกรณ์ที่สร้างจุดเด่นสำคัญ เช่น โปรไบอ็ติก ซึ่งช่วยทำให้กระเพาะอาหารดีขึ้น และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
นอกจากนี้ กิมจิยังประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และตัวต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์สำหรับคนรับประทาน ซึ่งในบทความนี้เราจะสำรวจสูตรต่างๆในการทำกิมจิ ประวัติของกิมจิ และประโยชน์สุขภาพที่ต่างกิมจิมีให้ ไม่ว่าคุณจะชอบรุปแบบเกาหลีที่แท้ หรือเลือกรสชาติไทยลงตัว คุณสามารถทำอาหารอร่อยๆนี้ได้ง่ายๆที่บ้าน
ประวัติที่มาที่ไปของเมนูอาหาร กิมจิ จากเกาหลี
กิมจิมีประวัติศาสตร์ยาวนานในอาหารเกาหลี เริ่มต้นตั้งแต่กว่าหนึ่งพันปีที่แล้ว กิมจิเป็นอาหารหลักในประเทศเกาหลีและถือเป็นสัญลักษณ์ของความภูมิใจและอัตลักษณ์ของชาวเกาหลี การทำกิมจิเชื่อมโยงกับการทำกากบาทเพื่อรักษาผักไว้ในช่วงฤดูหนาว จากนั้นกิมจิได้รับความนิยมทั่วโลกและได้รับการยอมรับจากองค์กรยูเนสโกเพื่อความสำคัญทางวัฒนธรรม ในหมู่คนเกาหลีแต่ละครอบครัวจะมีสูตรกิมจิที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ซึ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายในรสชาติของกิมจิ นอกจากนี้ กิมจิยังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก และได้รับการยอมรับเนื่องจากความสำคัญทางวัฒนธรรม
สูตรกิมจิแบบไทย ทำได้ง่ายอร่อยแน่อน
สูตรกิมจิแบบไทย เป็นรุ่นแปลงของกิมจิแบบเกาหลีที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรสนิยมของคนไทย ความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ระดับความเผ็ดโดยกิมจิแบบไทยจะไม่มีรสเผ็ดเท่ากับกิมจิแบบเกาหลี บางส่วนส่วนผสมเพิ่มเติมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในกิมจิแบบไทยรวมถึงพริกขี้หนูไทย เลมอง และน้ำปลาไทย วิธีการเตรียมการจะคล้ายกับกิมจิทั่วไปโดยการใส่เกลือในกะหล่ำปลี ทำเครื่องเทศ และหมักกิมจิ กิมจิแบบไทยมีรสชาติติดเนื้อตามแบบกิมจิแบบเกาหลีแต่เพิ่มความพิเศษด้วยรสชาติไทย
จัดได้ว่า สูตรกิมจิแบบไทยเป็นการผสมผสานรสชาติที่หลากหลายของกิมจิแบบเกาหลีกับการใส่เพิ่มส่วนผสมแบบไทย ทั้งน้ำปลาไทย พริกขี้หนูไทย และเลมอง สำหรับคนที่ต้องการลิ้มรสกิมจิที่จัดเต็มความเผ็ดแต่ไม่เข้มข้นเหมือนกิมจิแบบเกาหลี กิมจิแบบไทยเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในส่วนต่อไปของบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้วิธีทำกิมจิโคชูจัง การทำกิมจิแบบเกาหลี ประโยชน์ของกิมจิ และความแตกต่างระหว่างกิมจิจากเกาหลีและกิมจิแบบไทย เพื่อให้คุณได้รู้จักกับอาหารเรียบง่ายแต่อร่อยและดีต่อสุขภาพที่เรียกว่า กิมจิ
วิธีทำกิมจิโคชูจัง
กิมจิโคชูจังเป็นอาหารสตูว์เกาหลีที่มีกิมจิและส่วนผสมอื่นๆ ในการทำกิมจิโคชูจัง ให้เริ่มต้นด้วยการผัดหอมให้สุก พริกไทย และหมูท้องคู่ในหม้อ จากนั้นใส่กิมจิ เต้าหู้ และกลิ่นของพริกโกจูมาแล้วคนปรุงรสชาติให้เป็นเวลาสักครู่ กิมจิโคชูจังมีรสชาติก้นตองและเผ็ดร้อนที่โดดเด่น สามารถทานเป็นอาหารเดี่ยวหรือจะเสิร์ฟพร้อมข้าวเพื่อมื้ออร่อยใหม่หากต้องการทำกิมจิโคชูจังในรสชาติแบบเป็นเกาหลีแท้ๆ คุณสามารถติดตามขั้นตอนดังนี้
1.เริ่มจากการหมักกิมจิโคชูจัง วางแตงกวาเข้าไปในถาดโดยใส่เกลือลงไป และปกปิดด้วยเครื่องครอบสารตัวเร่งระบบที่จะช่วยให้กิมจิติดเชื้อได้ตามที่ต้องการ
2.ในขณะที่กิมจิในถาดกำลังหมัก เตรียมส่วนผสมเข้าไปในกิมจิ ซึ่งประกอบไปด้วยกระเทียม ขิง น้ำปลา พริกชี้ฟ้าเกาหลี (gochugaru) และวัตถุดิบอื่น ๆ ตามชอบ
3.หลังจากที่กิมจิพร้อมแล้วให้ทาส่วนผสมให้ทั่วทั้งขอบของแตงกวา พอทาหมดแล้ววางในบะหมี่ กับถาดหรือภาชนะที่มีฝึกทนต่อความร้อน และหมั่นกดหรือกดเข้าเพื่อให้ถูกทั้งกิ่งของกิมจิที่หมักอยู่ภายในจะติดเป็นชิ้นเดียว และให้การหมักเป็นที่ดี
รอให้กิมจิหมักไปตามรสชาติที่ต้องการ ที่อุณหภูมิห้อง จากนั้นเก็บยังจ่ายขายหรือรับประทานแบบชิพชีส์ก็ได้ กิมจิโคชูจังไม่เพียงแต่อร่อยเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การบริโภคกิมจิโคชูจังเป็นประจำจะช่วยลดการอักเสบ ปรับระดับไขมันในเลือด และช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้
วิธีทำกิมจิแบบเกาหลี
ในการทำกิมจิแบบเกาหลีเพื่อให้ได้รสชาติที่แท้จริง คุณจะต้องเริ่มจากการเป่าสับปะรดเพื่อดูเกลือของมันที่ไม่จำเป็นออกไป ในระหว่างที่สับปะรดกำลังเป่าเกลือ คุณต้องเตรียมเนื้อเยื่อโดยใช้กระเทียม ขิง น้ำปลา พริกไทยจากเกาหลี (gochugaru) และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ และบางทีอาจใช้พริกไทยดำ หากคุณไม่ชื่นชอบรสชาติเผ็ด
เมื่อสับปะรดได้รับการระบายน้ำเรียบร้อยแล้ว ให้ทาน้ำซอสที่เตรียมไว้ลงบนสับปะรดและห่อสับปะรดเข้าในภาชนะเป็นอย่างมาก และเอามันไปเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้รสชาติที่หอมอร่อยและเป็นมิตรกับเมนูอาหารอื่น ๆ กิมจิแบบเกาหลีแบบดั้งเดิมมีรสชาติเผ็ดและเข้มข้น จึงเหมาะกับการรับประทานกับอาหารหลายๆ เมนู
ประโยชน์ของกิมจิ
กิมจิมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ เนื่องจากประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่เพียงพอที่จะช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ นี่สามารถช่วยเพิ่มความหลากหลายและจำนวนของแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ได้ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันและกระบวนการย่อยอาหารดีขึ้น
นอกจากนี้ กิมจิยังเป็นแหล่งของวิตามิน A, B, C, และ K รวมถึงแร่ธาตุเช่น แคลเซียม ซึ่งเสริมสร้างกระดูกและฟัน ธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง และฟอสฟอรัส ที่ช่วยสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อ กิมจิยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วยที่ช่วยปกป้องร่างกายจากการเคลื่อนย้ายออกซิเดชัน ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง การบรรเทาอาการอักเสบ และควบคุมน้ำหนักได้
การบริโภคกิมจิอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวข้องกับการลดการอักเสบ ปรับระดับคอเลสเตอรอล และการรักษาน้ำหนักในระดับดีขึ้น ทั้งนี้ ต้องการจุดประสงค์ของการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้ผู้อ่านทราบถึงประโยชน์จากการบริโภคกิมจิ ควรรักษาพฤติกรรมการบริโภคอย่างสมดุลย์และพิเศษ ซึ่งรวมถึงการบริโภคตามปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สุขภาพที่เต็มที่จากกิมจิ
กิมจิจากเกาหลี
กิมจิเป็นอาหารที่มีคำตอบอยู่ในวัฒนธรรมอาหารเกาหลีและมีบทบาทที่สำคัญอย่างมากในวงการอาหารเกาหลี มันเป็นอาหารหลักที่เจ้าบ้านเกาหลีบ่งบอกถึงความภูมิใจและเป็นสัญลักษณ์ผู้ประกอบการอาหารเกาหลี กิมจิถูกทำขึ้นโดยกระบวนการหมักด้วยเครื่องเทศและเครื่องปรุงทั้งซุปหรือน้ำจิ้มแบบเครื่องแกง รสชาติของกิมจิมีความเปรี้ยว มันอม และเผ็ด กิมจิเป็นอาหารอร่อยที่ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและอุดมไปด้วยสุขภาพ
ความหลากหลายของกิมจิ
- กิมจิเกาหลี: โดยทั่วไปใช้ผักบดเป็นวัตถุดิบหลัก เช่น กะหล่ำปลี แต่มีคนทำด้วยผักอื่นๆ อย่างขึ้นฉ่าย กระชาย เป็นต้น กับวิธีทำที่เป็นที่มาตรฐานและทั้งแบบลดรสเผ็ดหรือไม่ใส่เผ็ดก็มีแต่น้อยแต่มีข้อแตกต่างกันไปตามสูตรของแต่ละครอบครัว
- กิมจิแบบไทย: มีความแตกต่างกับกิมจิเกาหลีตรงที่รสชาติมีปริมาณเผ็ดน้อยลง เนื่องจากใช้พริกชี้ฟ้าหรือพริกขี้หนูที่มีรสเผ็ดน้อยกว่าเกาหลี เพิ่มรสชาติสูตรคนไทยเข้ามา เช่น ขมิ้น กระเทียม หอม ปนรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย
กิมจิเป็นวัตถุดิบที่มีความหลากหลายและสามารถใช้ได้ในการทำอาหารหลากหลายประเภท เช่น ซุป ผัด บะหมี่ และข้าวผัด รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และประโยชน์สุขภาพที่มาพร้อมกับกิมจินี้ได้รับความยอมรับจากทั่วโลกและเป็นอาหารที่รักในหลายประเทศ
วิธีทำ กิมจิ ในประเทศไทย
การทำกิมจิในประเทศไทยนั้นเราจะนำรสชาติและส่วนผสมท้องถิ่นมาผสมผสานเข้ากับเส้นตาข่ายของอาหารเกาหลีที่เป็นเอกลักษณ์ แม้การเตรียมตัวอาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่กิมจิแบบไทยอาจมีส่วนผสมเพิ่มเติมเช่น พริกไทยสามรส, ตะไคร้ และน้ำปลาของไทย ระดับความเผ็ดบางครั้งถูกปรับให้เหมาะสมกับรสชาติคนไทย ผลลัพธ์ที่ได้คือรสชาติอ่อนลงและหวานละมุนขึ้น เกรดรสชาติของกิมจิแบบไทยนี้สามารถเพลิดเพลินกับกันได้โดยใช้วิธีการทานเป็นอาหารสุดอร่อยหรือใช้ในการเตรียมอาหารไทยต่างๆ
อย่างไรก็ดี กิมจิแบบไทยและกิมจิแบบเกาหลีนั้นมีความแตกต่างกันทั้งในรสชาติและองค์ประกอบของส่วนผสม กิมจิแบบเกาหลีมีรสชาติเข้มข้นและเผ็ด ปกติจะใช้เกลือเพื่อผ่านกระบวนการหมัก เมื่อกิมจิแบบไทยสามารถมีการปรับรสชาติให้น้อยลงและหวานละมุนบ้าง และจะใช้พริกไทยสามรส ตะไคร้ และน้ำปลาไทยเข้ามาเพิ่มรสชาติเล็กน้อย ทั้งคู่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองและสามารถเสิร์ฟในอาหารได้หลากหลายรูปแบบ
ความแตกต่างระหว่าง กิมจิ จากเกาหลี และ กิมจิแบบไทย
ความแตกต่างหลักระหว่างกิมจิแบบเกาหลีและกิมจิแบบไทย อาหารเอเชีย รสชาติแท้จากต้นตำรับ อยู่ที่รสชาติและระดับความเผ็ด กิมจิแบบเกาหลีมีรสชาติเข้มข้น เผ็ดร้อน และนุ่มๆ โดยทั่วไปใช้พริกชูจิแบบเกาหลีและส่วนผสมตัวอื่น ๆ ที่เป็นวัตถุดิบทางด้านกินเกาหลี อย่างตัวอย่างเช่น พริกชูจิแบบเกาหลี ส่วนกิมจิแบบไทยทั่วไปจะใส่พริกขี้หนูไทยและวัตถุดิบท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น เลมองรส ซึ่งมีอาการหวานเล็กน้อยกว่า นอกจากนี้ อาจใช้เครื่องปรุงรสชาติอื่น ๆ เช่น ตะไคร้และน้ำปลาตราช้างเพื่อเพิ่มรสชาติไทยให้กิมจิ กิมจิทั้งสองแบบนั้นมีรสชาติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนและสามารถเพลิดเพลินกับอาหารในชนิดอาหารต่าง ๆ ได้
สรุป สูตรการทำเมนู กิมจิ อาหารเกาหลียอดนิยม
กิมจิเป็นอาหารที่สำคัญในวัฒนธรรมเกาหลีและมีประโยชน์ที่มากมายสำหรับสุขภาพ สูตรกิมจิสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามชอบ ทั้งเกาหลีและไทยได้สร้างสูตรเฉพาะของตนเอง เพิ่มรสชาติและความน่าสนใจให้กับอาหารแบบกิมจิ ไม่ว่าจะเลือกทานกิมจิแบบไทยหรือแบบเกาหลี คุณสามารถทำอาหารนี้ได้ง่ายๆที่บ้าน เพลิดเพลินกับรสชาติโดดเด่นและประโยชน์สุขภาพที่ค่อนข้างมากของกิมจิได้เลย นอกจากสูตรการทำอาหารมากมายแล้ว เรายังมีสูตรการลงทุนที่รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องสนใจไม่แพ้กับสูตรการทำอาหารอย่างแน่นอน ซึ่งหากอยากเข้ามาทดลองประสบการณ์ด้วยตัวเอง ก็สามารถเข้ามาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมไปกับเว็บไซต์ club877 ของเรากันก่อนได้เลย